![translation](https://cdn.durumis.com/common/trans.png)
นี่คือโพสต์ที่แปลด้วย AI
เลือกภาษา
สรุปโดย AI ของ durumis
- การทำสมาธิเป็นการฝึกฝนเพื่อรู้แจ้งความจริงของการมีอยู่ผ่านการมุ่งความสนใจ และตระหนักถึงพลังชีวิตอันไม่มีขอบเขตเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพ และการสำนึกผิดคือการสำนึกผิดในความผิดพลาดที่ผ่านมา และเป็นการกลับไปสู่เมล็ดพันธุ์ของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นชีวิตแห่งความจริง
- การสำนึกผิดแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ อีชัน (理懺) และสาชัน (事懺) อีชันมีการกระทำของสาชันประกอบ และสาชันต้องมีจิตวิญญาณของอีชันเป็นพื้นฐาน
- การสำนึกผิดจะต้องดำเนินต่อไปตราบใดที่มีความโลภ ความเท็จ และความโง่เขลา และเราต้องทำให้จิตวิญญาณแห่งการสำนึกผิดซึ่งเป็นจิตใจที่แท้จริงที่ต้องการกลับไปสู่ชีวิตที่ถูกต้อง กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
▣การทำสมาธิ (參禪) ⊙ความหมายของการทำสมาธิ (禪)
การทำสมาธิเป็นคำย่อมาจาก "禪那" ซึ่งเป็นการทับศัพท์จากคำว่า dhyana ในภาษาสันสกฤต
แปลตามความหมายได้ว่า "ความคิดอันละเอียด" (精慮, การคิดอย่างสงบ) หรือ "การฝึกฝนความคิด" (思惟修, การดำเนินต่อเนื่องของสภาวะทางความคิด) นั่นคือการฝึกฝนการมุ่งสมาธิอย่างแท้จริง (โดยใช้ร่างกายทั้งหมดเข้าร่วมและมุ่งมั่น) เพื่อทะลุปรุโปร่งไปสู่ความจริงของการดำรงอยู่ และตระหนักถึงพลังแห่งชีวิตอันไม่มีที่สิ้นสุด ที่มนุษย์ทุกคนมีอยู่โดยธรรมชาติ และแสดงพลังแห่งชีวิตนั้นออกมา เพื่อให้บรรลุถึงความหลุดพ้นอันยิ่งใหญ่ (大解脫) เนื่องจากการทำสมาธิเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูด หรือเข้าใจได้โดยใช้เทคนิคทางความคิด ดังนั้น การฝึกฝนด้วยร่างกายทั้งหมดจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด เราจึงต้องเข้าใจและมั่นใจในเรื่องนี้ ⊙การสำนึกผิด (懺悔) การสำนึกผิดเป็นคำที่ประกอบขึ้นจาก "懺" จากคำว่า "懺摩" ซึ่งเป็นการทับศัพท์จากคำว่า Ksamaya ในภาษาสันสกฤต และ "悔" จากคำว่า "悔過" ในภาษาจีน "懺" หมายถึงการสารภาพบาปของตนเองและขอการให้อภัย "悔" หมายถึงการสำนึกผิดในความผิดพลาดในอดีต และไม่ทำผิดพลาดอีกต่อไป การสำนึกผิดหมายถึงการสำนึกผิดในความผิดพลาดที่ผ่านมา ที่เราไม่เชื่อว่าตัวเราเอง (สรรพสัตว์) เป็นเมล็ดพันธุ์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นชีวิตแห่งความจริง และตื่นขึ้นเพื่อตระหนัก และกลับไปสู่บ้านเกิดดั้งเดิมของชีวิตแห่งความจริง นั่นคือการกระทำดั้งเดิมที่แสดงออกถึงการกลับคืนสู่โลกภายในดั้งเดิม ซึ่งบริสุทธิ์และปราศจากมลทิน โดยแรงกระตุ้นพื้นฐานของจิตใจ โดยทั่วไป การสำนึกผิดแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ การสำนึกผิดในแง่หลักการ (理懺, การนั่งสงบด้วยจิตใจที่ถูกต้อง และสังเกตเห็นความจริงที่ปราศจากการเกิดและดับ เพื่อให้ตระหนักถึงความจริงที่ว่าบาปนั้นไม่เคยมีอยู่จริง) และการสำนึกผิดในแง่การปฏิบัติ (事懺, การอุทิศตนเพื่อทำตามพิธีกรรมของพระพุทธเจ้า ด้วยร่างกายและจิตใจ) แต่การสำนึกผิดในแง่หลักการจะต้องมีการกระทำในแง่การปฏิบัติเสมอ และการสำนึกผิดในแง่การปฏิบัติจะต้องมีพื้นฐานอยู่บนจิตใจของการสำนึกผิดในแง่หลักการ ท่านยงเมียง (永明) กล่าวว่า "ผู้ที่ต้องการดำเนินไปตามเส้นทางแห่งการบรรลุพระโพธิญาณ จะต้องปฏิบัติการสำนึกผิดในแง่การปฏิบัติ อุทิศร่างกายและจิตใจเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า ร้องไห้และแสดงความเคารพอย่างจริงใจ จะได้รับพระคุณของพระพุทธเจ้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่บานสะพรั่งเมื่อได้รับแสงแดด" ท่านหกบรรพบุรุษ (六祖大師) กล่าวว่า "懺" หมายถึงการสำนึกผิดในความโง่เขลา ความเย่อหยิ่ง ความไร้สาระ ความอิจฉาและความริษยา และไม่ทำกรรมชั่วที่ได้กระทำในอดีตอีกต่อไป "悔" หมายถึงการระมัดระวังความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตระหนักถึงความผิดของตนเองล่วงหน้า และตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ทำผิดอีกต่อไป" และยังกล่าวอีกว่า "ขอให้ฉันไม่ตกอยู่ในความโง่เขลาและความงมงาย ขอให้การกระทำที่ไม่ดีและบาปที่ฉันได้กระทำมาตั้งแต่อดีต ได้รับการสำนึกผิดและหายไปอย่างสิ้นเชิง และไม่เกิดขึ้นอีก ขอให้ฉันไม่ตกอยู่ในความอิจฉา ขอให้การกระทำที่ไม่ดีและบาปจากความอิจฉา ที่ฉันได้กระทำมาตั้งแต่อดีต ได้รับการสำนึกผิดและหายไปอย่างสิ้นเชิง และไม่เกิดขึ้นอีก" และกล่าวว่าจะต้องสำรวจตนเองอย่างต่อเนื่อง และเข้าไปสำนึกผิดและยืนยันต่อหน้าพระพุทธรูป การสำนึกผิดเช่นนี้จะต้องดำเนินต่อไปตราบใดที่ยังมี ความโลภ ความเท็จ และความโง่เขลาในโลกนี้ จิตสำนึกแห่งการสำนึกผิด ซึ่งเป็นจิตใจที่แท้จริงในการกลับคืนสู่ชีวิตที่ถูกต้อง จะต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ที่มา: https://myear.tistory.com/954 [เรื่องราวที่เด่นชัด: Tistory]